ที่มาของภาพ, Getty Images
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนทำให้เธอเสียชีวิตจากการพยายามข้ามถนนด้วยการขี่จักรยานเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะเมืองท่องเที่ยว
ไทยเพิ่งคลายหลักเกณฑ์การเข้าประเทศเรื่องโควิด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาในประเทศได้ไม่ถึงเดือน แต่อุบัติเหตุดังกล่าวอาจทำให้คนตั้งคำถามว่าประเทศไทยปลอดภัยต่อการเข้ามาท่องเที่ยวหรือไม่
ร.ต.อ วิรุฬห์กิจ ตันตระกูล รอง สว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา บอกกับบีบีซีไทยว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ คามีเลีย จีน กาวาเดน นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสวัย 26 ปี เกิดจากการที่นักท่องเที่ยวไม่เข้าใจความหมายของสัญญาณไฟจราจรในพื้นที่ บวกกับรถคู่กรณีที่ขับลงมาจากสะพานด้วยความเร็ว และเห็นว่าสัญญาณไฟทางฝั่งของตนเป็นสีเขียว จึงไม่ได้ระวังตัว
ร.ต.อ วิรุฬห์กิจอธิบายว่า จุดที่เกิดเหตุคือบริเวณสี่แยกคลองมะขามเรียง ซึ่งมีสัญญาณไฟเขียวอยู่ตลอดเวลาที่เลนซ้าย และจะมีไฟแดงที่บังคับให้เลี้ยวขวา เมื่อนักท่องเที่ยวเห็นแบบนี้ ก็ไม่เข้าใจ เพราะต้องการจะข้ามไปตรงจุดที่รถติดไฟแดง จึงเข้าใจว่ารถติดไฟแดงทั้งถนนโดยไม่รู้ว่าเลยซ้ายสุดผ่านได้ตลอด จึงถัดรถมาในเลนซ้ายสุด และรถเก๋งคู่กรณีก็ลงสะพานมาพอดีและเบรคไม่ทัน
ร.ต.อ วิรุฬห์กิจ กล่าวว่า จากการสอบถามเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันของผู้เสียชีวิต ทั้งสองชวนกันมาเที่ยวกันที่อยุธยา เมื่อ 24 พ.ค. ก่อนเกิดเหตุได้เช่ารถจักรยานขี่ท่องเที่ยวไปตามโบราณสถานและวัด แล้วรับประทานอาหารเย็น ก่อนขี่จักรยานกลับที่พัก พอมาถึงจุดเกิดเหตุทั้งสองต้องการจะข้ามแยกเพื่อกลับที่พัก
ที่มาของภาพ, Getty Images
“เขาบอกว่าสังเกตเห็นสัญญาณไฟแดงและเขียวขึ้นพร้อมกัน แต่มีรถจอดติดไฟแดงทั้งสองฝั่งถนน จึงตัดสินใจปั่นจักรยานข้ามถนน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับรถเก๋งขับตรงมาพอดี”
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ วิรุฬห์กิจ อธิบายเพิ่มเติมว่าถนนเส้นที่นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสสัญจรผ่านเป็นถนนเส้นที่มีเลนเฉพาะสำหรับจักรยานที่ตีเส้นแบ่งอย่างชัดเจน
“ถนนเส้นนั้นมีป้ายเตือนสัญญาณไฟและเลนจักรยานอย่างชัดเจน แต่พอเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ เราก็คิดว่าควรจะต้องมีป้ายเตือนหรือป้ายห้ามให้ชัดเจนขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก”
รายงานเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนโดยองค์การอนามัยโลกเมื่อปี 2560 ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคอาเซียน และสูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก
รายงานระบุว่าแต่ละวันจะมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยที่วันละประมาณ 60 คน ได้รับบาดเจ็บที่วันละประมาณ 2,500 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสวันละประมาณ 500 คน ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุสาหัสต้องกลายเป็นผู้พิการวันละประมาณ 20 คน จากอุบัติเหตุบนท้องถนน
รายงานจากองค์การอนามัยโลกมีข้อแนะนำว่าประเทศไทยควรปรับปรุงและออกแบบระบบโครงสร้างพื้นฐานเช่นสัญญาณจราจรและป้ายต่าง อีกทั้งยังอยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายจราจรให้เข้มงวดขึ้น
บีบีซีไทยได้ติดต่อสถานเอกอัคราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เพื่อสอบถามว่าทางสถานทูตฯ ได้เคยออกข้อแนะนำหรือคำเตือนให้กับนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสหรือไม่ แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา
ที่มาของภาพ, Getty Images
ที่ผ่านมาประเทศไทยมีนักปั่นจักรยานที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายหลายที่ปั่นจักรยานไปแล้วทั่วโลก แต่ต้องมาสังเวยชีวิตบนถนนในประเทศไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุทางถนนสูงติดหนึ่งในสิบอันดับของโลก
เมื่อ ก.พ. 2558 นายฮวน ฟรานซิสโก อายุ 48 ปี นักปั่นจักรยานรอบโลกชาวชิลี เดินทางมาปั่นจักรยานที่ไทยเพื่อทำสถิติลงกินเนสส์ บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด 5 ทวีป ภายใน 5 ปี ระยะทาง 250,000 กิโลเมตร พร้อมด้วยภรรยาชาวสิงคโปร์และลูกชายวัย 2 ขวบ ถูกรถกระบะพุ่งชนในขณะที่กำลังปั่นจักรยานบน ถ.มิตรภาพ จ.นครราชสีมา จนทำให้นายฮวนเสียชีวิต
ก่อนหน้านั้น เมื่อ ก.พ. 2556 นายปีเตอร์ หลุยส์ ซีเบอร์รูท อายุ 34 ปี และ น.ส.แมรี่ เอมเมลไลน์ ทอมสัน อายุ 34 ปี ชาวอังกฤษ ถูกรถกระบะพุ่งชนเสียชีวิตทั้ง 2 คน บนถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โดยทั้ง 2 คนตัดสินใจปั่นจักรยานเที่ยวรอบโลก รวมแล้ว 23 ประเทศก่อนจะมาปราบอุบัติเหตุและเสียชีวิตในประเทศไทย
เว็บไซต์ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร (www.gov.uk) ได้ลงคำแนะนำสำหรับพลเมืองของตนเองให้รับทราบว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องระวังบ้างหากประสงค์จะเดินทางมาที่ประเทศไทย และหนึ่งในหลาย ๆ คำแนะนำนั้นมีเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน
โดยในข้อความคำแนะนำนั้นระบุว่าตัวเลขของอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์ และกล่าวอ้างสถิติจากองค์การอนามัยโลกว่าว่าต่อปีจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่มีรถจักรยานยนตร์เกี่ยวข้องถึงปีละ 5,500 ราย
เว็บไซต์ดังกล่าวแนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางด้วยยานพาหนะดังกล่าวต้องสวมหมวกกันน็อก และขับขี่ด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ
