วันศุกร์ ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565, 19.55 น.
วันที่ 22 เม.ย.65 เวลา 15.20 น. พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิทูรย์ พัฒนชัย ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้นำตัว นายสุธน สะราคำ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.1 ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมายจับศาล จ.ฉะเชิงเทรา ที่ จ.185/2565 ลงวันที่ 22 เม.ย.65 มาชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ
ที่บริเวณบ้านพัก ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางปะกง ภายในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนบางปะกง สำนักชลประทานที่ 9 ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.11 ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ซึ่งนำโดย พ.ต.อ.นเรวิช สุคนธวิท พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก. และ พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แก้วหมื่นไวย์ ผกก. สืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้นำกำลังชุดสืบสวนติดดามจับกุมตัวมาได้ ในวันนี้จาก จ.อุทัยธานี
โดย พ.ต.อ.พิทูรย์ พัฒนชัย ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย.65 เวลา 11.40 น. นายรณชัย ศรีรอดบาง ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนบางปะกง ได้เดินทางมาเข้าพบ ร.ต.ท.หญิง อรวรรณ มิตยสิทธ์ รองสารวัตรเวรสอบ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ว่า ภายในบ้านพัก และภายในรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณบ้าน ได้ถูกคนร้ายบุกเข้ามาลักทรัพย์สินหายไปจำนวนหลายรายการ
ทั้งเงินสดจำนวนกว่า 1 ล้านบาท เครื่องประดับพร้อมพระเครื่อง ที่ได้นำบรรจุใส่ไว้ภายในตู้นิรภัย (ตู้เซฟ) นั้น ได้ถูกโจรกรรมยกหายออกจากบ้านไปทั้งใบ หลังรับแจ้งความร้องทุกข์ ในทางสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นลูกจ้างของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนบางปะกงเอง ที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานได้เพียงประมาณ 6 เดือน ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าโป๊ะบรรทุกเครื่องจักรกลงานหนัก (แบ็คโฮ) แต่เพียงลำพังในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่บริเวณท่าน้ำห่างจากบ้านพัก ผอ.โครงการฯ เพียง 200 ม. ได้หายตัวไป
หลังถูก จนท.ติดตามจับกุมตัวมาได้ นายสุธน ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า ในช่วงระหว่างคืนวันที่ 17 ก่อนรุ่งเช้าวันที่ 18 เม.ย.65 เวลาประมาณ 03.00 น. ได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์โจรกรรมนำตู้เซฟ พร้อมทรัพย์สินอื่นจากภายในบ้านพักหลังดังกล่าวไปจริง หลังจากยกตู้เซฟออกมาจากภายในบ้านได้นำมาใส่ไว้ภายในถังขยะ ที่ตั้งอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามซึ่งมีล้อเลื่อน เพื่อเข็นนำตู้เซฟไปงัดแงะเอาทรัพย์สินไปที่บริเวณภายในป่าละเมาะริมท่าน้ำ
โดยมีเงินสดภายในจำนวน 8 แสนบาท จากนั้นได้ติดต่อให้คนที่รู้จักมารับ เพื่อที่จะเดินทางกลับบ้าน และระหว่างทาง ผู้ต้องหาได้ขอลงจากรถเพื่อแวะหาซื้อรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมก สีเทา คันหมายเลขทะเบียน ผข-4854 สุพรรณบุรี จากเต็นท์ขายรถริมทาง เพื่อใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนีและขับกลับบ้าน ก่อนที่จะขับหลบหนีต่อไปยังที่ จ.อุทัยธานี และถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด พร้อมด้วยของกลาง เป็นเงินสดส่วนที่ยังเหลืออยู่จำนวน 150,000 บาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พาตัวไปติดตามยึดของกลาง เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า MSX สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1กณ-1817 สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ใช้ขับขี่ในขณะมาก่อเหตุ พร้อมด้วยพระเครื่องและเครื่องประดับรวมถึงทรัพย์สินอีกหลายรายการที่ถูกโจรกรรมไปพร้อมกัน ก่อนที่จะพาตัวมาชี้จุดและลงงมค้นหาตู้เซฟที่ผู้ต้องหาได้นำไปโยนทิ้งเอาไว้ในแม่น้ำบางปะกง ใกล้กับจุดเกิดเหตุอีก 1 รายการ
โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” และข้อหา “บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน” รวม 2 ข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวนตลอดข้อกล่าวหา พ.ต.อ.พิทูรย์ กล่าว